บทความ

รู้จัก ทักทาย

รูปภาพ
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อการแบ่งปันความรู้ เราจะร่วมกันเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ดีๆผ่านเว็บไซต์ออกสู่สังคม เจ้าของเว็บไซต์ นางสาวปริญญา ซ่อมเชียง (ครูไก่) ตำแหน่ง ผู้ช่วยครู โรงเรียนหนองโพธิ์วิทยาคม อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม กำลังศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ คติประจำใจ ทำดี ทำได้ ถ้าใจอยากทำ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

รูปภาพ
ทักษะทางกระบวนการวิทยาศาสตร์ ความชำนาญและประสบการณ์ในการใช้ความคิดเพื่อแก้ปัญหาทักษะที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาและสรุปเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยทักษะพื้นฐานที่สำคัญดังนี้ -ทักษะการสังเกต -ทักษะการวัด -ทักษะการคำนวณ -ทักษะการจำแนกและจัดหมวดหมู่ -ทักษะการหาความสัมพันธ์ -ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล -ทักษะการจัดทำและสื่อความหมายข้อมูล -ทักษะการทำนาย นี่ล่ะคือคุณสมบัติที่สำคัญของผู้ที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ล่ะ ที่กล่าวมานั้นเป็นทักษะที่ใช้ให้การคิดเพื่อแก้ปัญหาสรุปผล แต่ในขั้นการออกแบบการทดลองเพื่อทำการตรวจสอบสมมุติฐานยังต้องอาศัยทักษะกระบวนการขั้นผสม..ที่ซับซ้อนขึ้นอีก(เล็กน้อย) ได้แก่ -ทักษะการตั้งสมมุติฐาน(ต้องตั้งเก่งด้วย)   -ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร (เพื่อให้ผลทดลองออกมาน่าเชื่อถือ) -ทักษะการกำหนดเชิงปฏิบัติการ (คือการกำหนดขั้นตอนวิธีการทดลอง) -ทักษะการทดลอง (ใช้อุปกรณ์เป็นเปล่า..แถวนั้น) -ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป อ้างอิง : www.neutron.rmutphysics.com

มารู้จักความหมายของวิทยาศาสตร์กันเถอะ

รูปภาพ
                       วิทยาศาสตร์ มาจากคำว่า Scientific ในภาษาลาติน แปลว่า ความรู้ Knowledge ดังนั้น วิทยาศาสตร์ก็คือ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมชาติที่มนุษย์สะสมมาแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างไม่รู้จักจบสิ้น (ทบวง,2533) ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะต้องเป็นความรู้ที่ผ่านการทดลอง หรือทดสอบมาแล้วหลายๆครั้งเพื่อหาความถูกต้อง ความรู้ทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ข้อเท็จ – เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถสังเกตได้โดยตรง มีความเป็นจริงสามารถทดสอบแล้วได้ผลเหมือนกันทุกครั้ง ความคิดรวบยอดหรือมโนทัศน์ – เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการนำเอาข้อเท็จจริงหลายส่วนมาผสมผสานจนเกิดความรู้ใหม่ ความจริงหรือหลักการ – เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากกลุ่มของความคิด หรือหลักความรู้ทั่วไปที่สามารถใช้อ้างอิงได้ โดยคุณสมบัติของหลักการเมื่อนำมาทดลองซ้ำต้องได้ผลเหมือนเดิม กฎ – คือความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นหลักการอย่างหนึ่ง แต่เป็นข้อความที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างเหตุผล และแทนความสัมพันธ์ในรูปของสมการ สมมุติฐาน – เป็...

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้มาอย่างไร

รูปภาพ
มารู้จักกันเถอะ ก็ได้มาจากกระบวนการหรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์นั่นล่ะจำได้ไหม เช่น การทดลองเรื่องไข้ เอ้ย..ไข่ลอย ไข่จม ก่อนที่นักเรียนจะสรุปหลักการของไข่จมไข่ลอยได้นั้น นักเรียนต้องอาศัยระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ดังนี้ สังเกต (เช่น สังเกตว่าตอนแรกไข่จม พอใส่เกลือ..กลับลอยขึ้นมาได้ ไสยศาสตร์มีจริง เอ้ย..ไม่ใช่) การตั้งปัญหา (บางคนจะสงสัยว่าถ้าใส่เกลือไม่เท่ากันไข่จะลอยสูงต่างกันหรือไม่) การตั้งสมมุติฐาน (เป็นการคาดคะเนหาคำตอบหรือสิ่งที่เป็นไปได้ต่อไป เช่น หนูแจ๋วบอกว่าถ้าใส่เกลือต่างกันไข่จะลอยสูงขึ้นต่างกัน แต่หนูกะปอมบอกว่าใส่เกลือต่างกัน ไข่อาจจะลอยสูงเท่ากัน จะเห็นว่าสมมุติฐานยังไม่ใช่คำตอบที่ชัดเจน แต่จะนำไปสู่การทดลองต่อไปอีก ออกแบบการทดลอง การที่สองหนูจะตีกันตายต้องมีการออกแบบการทดลองสนับสนุนสมมุติฐาน เช่น กำหนดให้ใส่เกลือลงในน้ำที่มีปริมาตร150 ลูกบาศก์เซนติเมตรเท่ากัน โดยใส่เกลือเป็น 30 35 40 45 ช้อนเบอร์ 1 แล้วสังเกตความสูงของไข่ที่ลอยขึ้นทุกครั้ง สรุปผลการทดลองจากการทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเกลือกับความสูงของไข่ที่ลอยขึ้นทำให้สรุปได้ว่า ถ้าความเข้มของเกลือมากขึ้...

เคล็ดลับการเรียนเก่งวิทยาศาสตร์

รูปภาพ
วิชาวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในวิชาหลักที่นักเรียนในช่วงวัยเรียนต้องเรียน หลายๆคนทำได้ดีในวิชานี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังทำได้ไม่ดีในวิชาวิทยาศาสตร์จนพาลไม่ชอบวิชานี้ไปโดยปริยาย วันนี้ Top-A tutor มีเคล็ดลับง่ายๆสำหรับน้องๆที่อยากเรียนวิทยาศาสตร์ให้ได้ดี นอกเหนือจากการไปลงเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ถ้าได้ลองนำไปปฏิบัติพี่เชื่อว่า เกรด 4 วิชาวิทยาศาสตร์คงไม่หนีไปไหนไกลหรอกครับ 1. ทำความรู้จักกับรากศัพท์            สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางคนไม่ชอบวิทยาศาสตร์คือ "ชื่อเฉพาะ" นี่แหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาชีววิทยา อย่างไรก็ตามถ้าหากได้ลองหาความรู้เกี่ยวกับรากศัพท์แล้วนั้นการจำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องอยากอีกต่อไป เพราะน้องๆจะสามารถคำศัพท์จะถูกจำเป็นกลุ่มๆตามรากศัพท์ อีกทั้งศัพท์บางคำที่ไม่รู้ก็ยังสามารถเดาได้จากรากศัพท์อีกด้วย เช่น คำว่า "derm" แปลว่าผิวหนัง ดังนั้นทุกศัพท์ที่มีคำนี้เป็นรากศัพท์ก็ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น Dermis(ชั้นหนังแท้) Epidermis(ชั้นหนังกำพร้า) Dermatologist(แพทย์ผิวหนัง) Ectoderm(เนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของตัว...